บทความ เงินด่วน

ดอกเบี้ยคงที่ vs ดอกเบี้ยลดต้นลดดอก ต่างกันอย่างไร

เครดิตบูโรคืออะไร และมีความสำคัญอย่างไรกับเรา
เชื่อว่าหลายคนที่อยากจะขอสินเชื่อไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อบ้าน สินเชื่อรถ หรือการทำบัตรเครดิต ก็คงได้ยินคำว่า “เครดิตบูโร หรือ เครดิตเสีย” มีความสำคัญอย่างมากต่อการอนุมัติสินเชื่อ เป็นข้อมูลที่สะท้อนถึงพฤติกรรม ความน่าเชื่อถือ วินัยทางการเงิน โดยทุกข้อมูลประวัติการเป็นหนี้ การชำระหนี้สินของเราจากสถาบันทางการเงิน ทั้งที่เป็นธนาคารและไม่ใช่ธนาคารจะถูกรวบรวมไปยัง “บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด” เป็นองค์กรกลางที่มีหน้าที่ในการรวบรวมข้อมูลเครดิตต่าง ๆ เอาไว้ ซึ่งบุคคลทั่วไปสามารถเข้ามาดูรายละเอียดข้อมูลเกี่ยวกับสินเชื่อ บัตรเครดิต รวมไปถึงพฤติกรรมทางการเงินของเราเองได้ โดยเราสามารถตรวจสอบเครดิตของตัวเองได้ในทุก ๆ ปี โดยผู้ที่มีประวัติเครดิตดีก็จะมีโอกาสที่ทางสถาบันการเงินจะอนุมัติสินเชื่อได้ง่ายกว่า รวมถึงยังมีโอกาสได้รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ หรือได้ลดดอกเบี้ยเงินกู้ เนื่องจากมีประวัติการชำระเงินดีได้อีกด้วย 

ผู้ที่ผิดชำระหนี้ หรือค้างชำระเกิน 90 วัน ทางสถาบันการเงินจะส่งข้อมูลสินเชื่อให้กับบริษัทข้อมูลเครดิตอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาไม่เกิน 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ค้างชำระเกิน 90 วัน โดยบริษัทข้อมูลเครดิตจะเก็บข้อมูลเหล่านี้ไว้ในฐานข้อมูลต่อไปอีกไม่เกิน 3 ปี นับจากวันที่ได้รับข้อมูลจากสถาบันการเงิน หากคุณเป็นคนที่ชำระหนี้ตรงเวลาก็ไม่ต้องกังวล เพราะสถาบันการเงินจะนำส่งข้อมูลเป็นรายเดือนจนกว่าจะชำระหนี้เสร็จสิ้น เมื่อชำระครบแล้ว สถาบันการเงินจะนำส่งข้อมูลปิดบัญชีไปยังบริษัทข้อมูลเครดิตในเดือนถัดไป และจะปรากฎเป็นสถานะปิดบัญชี

ข้อมูลที่สถาบันการเงินจะส่งให้กับบริษัทข้อมูลเครดิต แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ดังนี้
ข้อมูลบ่งชี้ ที่แสดงถึงตัวตนของเจ้าของข้อมูลที่เราเป็นผู้แจ้งกับสถาบันการเงิน เช่น ชื่อ ที่อยู่ วันเดือนปีเกิด สถานภาพ อาชีพ เลขบัตรประชาชน เป็นต้น
ข้อมูลสินเชื่อ คือ ข้อมูลการอนุมัติ และประวัติการชำระหนี้ เช่น เคยขอสินเชื่ออะไรมาบ้าง วงเงินที่ได้รับ สถานะบัญชี รายละเอียดการชำระหนี้ว่ามีค้างชำระหรือไม่

แก้ประวัติเครดิตบูโรเสีย แค่ทำตามข้อดังต่อไปนี้รับรองว่ายื่นขอสินเชื่อส่วนบุคคล BYC ได้ชัวร์!

  1. การตรวจเครดิตบูโร
    คุณสามารถทำการขอเช็กเครดิตบูโร เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลได้ เพราะในบางครั้ง อาจมีข้อผิดพลาดในรายงานเครดิตบูโร ที่ส่งผลต่อเครดิตของคุณโดยไม่รู้ตัว ดังนั้น คุณจึงควรยื่นเรื่องขอรายงานจากเครดิตบูโรจาก บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ ปีละครั้ง เพื่อตรวจสอบข้อมูลเครดิตของตัวเอง โดยสิ่งที่ควรตรวจสอบ มีดังนี้
    – ตรวจสอบว่ามีหนี้ที่ไม่เคยทำรายการใดๆ ไว้ เกิดขึ้นมาหรือไม่
    – ตรวจสอบรายการค้างชำระ
    – หากเคยมีหนี้อยู่ และชำระจนหมดแล้ว ต้องตรวจสอบว่าขึ้นสถานะ ปิดบัญชี แล้วหรือยัง
    – ตรวจสอบข้อมูลบุคคลให้ถูกต้อง เช่น ชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ เป็นต้น

แก้เครดิตบูโร

2. แก้ไขเครดิตบูโรที่ผิดพลาด
ในกรณีที่ตรวจเช็กข้อมูลแล้วเจอข้อผิดพลาด หรือมีสิ่งที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง คุณควรจะรีบดำเนินการเพื่อแก้ไขข้อผิดพลาดเหล่านั้นในทันที เพื่อไม่ให้มีประวัติเสียค้างอยู่ในรายงานเครดิตของคุณ โดยขั้นตอนในการยื่นตรวจสอบ และแก้ไขข้อมูลเครดิตบูโรนั้น สามารถทำได้ไม่ยาก เพียงแค่กรอกแบบฟอร์ม “คำขอใช้สิทธิ์ตรวจสอบ/แก้ไขข้อมูลเครดิต” และแนบเอกสาร/หลักฐานทางการเงินที่คุณมี ส่งไปที่บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ เพื่อให้บริษัททำการตรวจสอบและแก้ไขข้อมูลภายใน 30 วัน

3. วางแผนการชำระหนี้
หากคุณเป็นหนี้เยอะจนทำให้ประวัติเครดิตบูโรของคุณดูไม่ดี สิ่งสำคัญที่สุดคือ การวางแผนการเงินเพื่อชำระหนี้ โดยคุณสามารถวางแผนการชำระหนี้ให้หมดไวที่สุด หากคุณมีเงินเก็บจำนวนหนึ่ง ก็อาจจะแบ่งมาเพื่อปิดหนี้ในส่วนนี้ก่อน เพราะหากค้างชำระสะสมกันไป อัตราดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายก็จะสูงไปด้วย

ทั้งนี้คุณสามารถขอคำปรึกษา หรือรีไฟแนนซ์ ปรับโครงสร้างหนี้จากธนาคาร จะช่วยให้คุณเห็นแนวทางการจัดการหนี้สินอย่างจริงจังได้มากขึ้น ในกรณีที่คุณเคยมีประวัติเครดิตเสีย กำลังแก้ไขอยู่ และต้องการขอสินเชื่อส่วนบุคคล ทาง BYC ก็พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือผู้ที่กำลังประสบปัญหาทางการเงิน เพียงแค่แอดไลน์ @mscw หรือกดปุ่ม สมัครเลย บนหน้าเว็ปไซต์

RELATED POSTS

Scroll to Top